วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

มารู้จักปุ๋ยพร้อมทั้งคุณสมบัติของปุ๋ยแต่ละสูตรกันเถอะ !!!

          พืชต้องการธาตุอาหาร 16 ชนิด ได้แก่ ออกซิเจน ไฮโดรเจน คาร์บอน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม กำมะถัน แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี แมงกานิส ทองแดง โบรอน โมลิบดินัม และ คลอรีน



ซึ่งในจำนวนนี้ ออกซิเจน ไฮโดรเจน คาร์บอน พืชได้รับจากน้ำและอาหาร ส่วน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม พืชต้องการในปริมาณมาก เมื่อเทียบกับธาตุอื่นๆ (ซึ่งจัดเป็นธาตุอาหารหลัก) และในดินมักมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืชและการเพาะปลูก ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มธาตุอาหารเหล่านี้ ซึ่งเราเรียกว่าการให้ปุ๋ย

          การให้ปุ๋ยก็มีอยู่ 2 ชนิดคือ การให้ปุ๋ยทางดินและการให้ปุ๋ยทางใบ 

           1. ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยเคมีมีหลาสูตร ดังนี้



- ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ยูเรีย ให้ไนโตรเจนสูง เร่งต้น และใบใส่ทางดิน
- ปุ๋ยสูตร 16-16-16 ปุ๋ยสูตรเสมอ บำรุงทุกอย่าง ต้น ดอก ผล ใส่ทางดิน
- ปุ๋ยสูตร 12-24-12 ปุ๋ยมีฟอสฟอรัสสูง เร่งดอก ใส่ทางดิน
- ปุ๋ยสูตร   8-24-24 ปุ๋ยมีฟอสฟอรัส และโปรแตสเซี่ยมสูง เร่งดอก และผลรสชาดดีใส่ทางดิน
- ปุ๋ยสูตร 15-5-5 ปุ๋ยน้ำไนโตรเจนสูง เร่งต้น และใบ ฉีดพ่นทางใบ
- ปุ๋ยสูตร 10-10-10 ปุ๋ยน้ำสูตรเสมอ บำรุงทุกอย่าง ต้น ดอก ฉีดพ่นทางใบ
- ปุ๋ยสูตร   9-18-9 ปุ๋ยน้ำมีฟอสฟอรัสสูง เร่งดอก ฉีดพ่นทางใบ
- ปุ๋ยสูตร   3-18-18 ปุ๋ยน้ำมีฟอสฟอรัส และโปรแตสเซียมสูง เร่งดอกและผลรสชาดดี ฉีดพ่นทางใบ
- ปุ๋ยสูตร 30-20-10 ปุ๋ยเกร็ดมีไนโตรเจนสูง เร่งต้น และใบ ฉีดพ่นทางใบ
- ปุ๋ยสูตร 10-52-17 ปุ๋ยเกร็ดมีฟอสฟอรัสสูง เร่งดอก ฉีดพ่นทางใบ
- ปุ๋ยสูตร 21-21-21 ปุ๋ยเกร็ดสูตรเสมอ บำรุงทุกอย่าง ต้น ดอก ผลฉีดพ่นทางใบ เ
- ปุ๋ยสูตร13-27-27 ปุ๋ยเกร็ดมีฟอสฟอรัส และโปรแตสเซียมสูง เร่งดอก และผลรสชาดดี ฉีดพ่นทางใบ

           ข้อแนะนำ : ควรอ่านคำแนะนำเอกสารกำกับปุ๋ยเคมีให้เข้าใจเสียก่อน หากไม่เข้าใจ หรือมีปัญหาสงสัยให้ ปรึกษาเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตร หรือนักวิชาการเกษตรประจำสถานีทดลอง หรือสถาบันวิจัยในท้องถิ่น เพื่อให้การใช้ปุ๋ยเคมี มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นก่อนใส่ปุ๋ยเคมี ควรกำจัดวัชพืชให้หมดเสียก่อน เพื่อป้องกันมิให้วัชพืชมาใช้ปุ๋ยเคมีที่ใส่ลงไปควรใส่ปุ๋ยเคมีเมื่อดินมีความชื้นอยู่ เมื่อใส่ปุ๋ยเคมีควรกลบดิน ในกรณีที่มีการให้น้ำ ควรให้น้ำ น้อย ๆ ก่อน แล้วจึงเพิ่มให้มากขึ้น ถ้าให้ได้ผลดียิ่งขึ้น ควรใส่ปุ๋ยเคมีแก่พืชในช่วงมีแสงแดดจัด ฝนไม่ตกควรหมั่นดูแลป้องกันกำจัดโรคแมลงศัตรูพืชอยู่เสมอควรเก็บปุ๋ยเคมีในภาชนะที่ปิดมิดชิด อย่าให้ถูกความร้อน แสงแดด และฝน

          2. ปุ๋ยอินทรีย์ จุลินทรีย์



- ปุ๋ยคอก มูลวัวแห้ง ใส่เพื่อบำรุงดิน มีธาตุอาหารพอสมควร
- ปุ๋ยมูลไก่ มูลไก่แห้งอัดเม็ด ใส่เพื่อบำรุงดิน มีธาตุอาหารพอสมควร
- ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยทำจากวัสดุธรรมชาติ ใส่เพื่อบำรุงดิน มีธาตุอาหารพอสมควร
- จุลินทรีย์ เป็นเชื้อจุลินทรีย์ ย่อยสลายปุ๋ย และอินทรีย์สาร ให้เป็นประโยชน์แก่พืช และทำลายเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคพืช
- กากน้ำตาล อาหารเริ่มต้นของเชื้อจุลินทรีย์ ใช้หมักจุลินทรีย์ให้เพิ่มจำนวนมาก
                                                                                                              อ้างอิง : สวนมะนาว เคียงดาว

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

การเปิดตาดอกมะนาวแบบชีวภาพ

                                                          
          สำหรับเกษตรกรที่ปลูกมะนาวและมีความประสงค์ทำมะนาวนอกฤดูเพื่อให้ทันขายช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน นั้น การเปิดตาดอกมะนาวควรทำในช่วงเดือนตุลาคม ท่านต้องเตรียมการล่วงหน้าเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสช่วงมะนาวแพง และในช่วงนี้บางสวนอาจจะประสบกับปัญหาเปิดตาดอกแล้วมะนาวแตกใบอ่อนทำให้พลาดการออกดอกในเดือนที่ต้องการ ฉะนั้นผู้ปลูกมะนาวจึงต้องมีการเตรียมการที่ดีจึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ


          ขั้นตอนการเปิดตาดอกมะนาวสำหรับท่านที่ที่ปลูกมะนาวใหม่ ๆ และกำลังจะบังคับให้มะนาวออกดอกในเดือนตุลาคม พอสรุป ดังนี้                                  
           ขั้นตอนที่ 1 นำฮอร์โมนไข่ที่หมักไว้จนครบ 10-15 วัน มาราดรดที่บริเวณทรงพุ่มมะนาวแบบทั่วทรงพุ่ม โดยสเปรย์ให้กระจายจนเปียกชุ่มโชก โดยใช้ฮอร์โมนไข่ 2 ลิตร ผสมกับน้ำ 200 ลิตร ทำกัน   2-3 ครั้งในช่วงก่อนการเปิดตาดอกหรือในช่วงเปิดตาดอกก็ได้ ในกรณีที่ ฉีดพ่นทางใบแล้วมะนาวสภาพต้นไม่เหลืองใบไม่ร่วงหรือยังไม่ยอมแตกตาดอกออกมาตามข้อตาใบ ให้ทำการราดรดฮอร์โมนไข่หลาย ๆ ครั้งเพื่อบังคับให้มะนาวออกดอกภายในเดือนตุลาคมนี้ให้
           ขั้นตอนที่ 2 ฉีดพ่นสูตรเปิดตาดอกทางใบข้างต้นอย่างน้อย 3 วัน/ครั้ง หรือทุกวัน จ้าองสวนอาจจะเหนื่อยนิดหนึ่งที่ต้องฉีดพ่นสูตรเปิดตาดอกบ่อยครั้งหรือทุกวัน ซึ่งจำเป็นมากที่จะต้องยอมเหนื่อย เพราะหากพลาดการออกดอกเดือนนี้ก็จะต้องรอปีหน้า
           การฉีดพ่นสูตรเปิดตาดอกทางใบจะฉีดทั้งเดือนจะมากหรือน้อยกระทั่งมะนาวออกดอกนั้นขึ้นอยู่กับสภาพต้นมะนาว พื้นฐานการเตรียมต้นตั้งแต่เริ่มแรก (เดือนมิถุนายน-สิงหาคม) การใช้ปุ๋ยไนโตรเจนเพื่อเร่งความสมบูรณ์ของต้นจนไนโตรเจนตกค้างในดินเป็นจำนวนมาก สภาพฝนตกมามีปริมาณมากน้อยแค่ไหน หากมีปริมาณไนโตรเจนในดินมากฝนตกบ่อย ก็จะทำให้ต้องฉีดพ่นสูตรกระตุ้นตาดอกมากครั้งขึ้นเป็นเงาตามตัวครับ


           การราดรดฮอร์โมนไข่และการฉีดสูตรเปิดตาดอกทางใบอาจจะทำให้สภาพต้นมะนาวมีอาการเหลืองใบหลุดร่วงไม่ต้องตกใจว่ามะนาวผิดปกติ หรือรากเน่าโคนเน่าหรือเปล่า มะนาวเราจะตายหรือเปล่า เป็นเรื่องปกติของการเปิดตาดอกเพราะสูตรนี้จะทำให้ใบแก่เร็วมาก การราดรดฮอร์โมนไข่และฉีดพ่นสูตรเปิดตาดอกทางใบไม่จำเป็นต้องรอใบแก่แล้วค่อยเปิดนะครับให้เปิดกระทั่งใบอ่อนนั่นแหละครับเพราะหากรอเดี๋ยวจะไม่ทันการณ์
          ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม การฉีดพ่นสูตรเปิดตาดอกทางใบอาจจะทำให้เกิดโรคแคงเกอร์ได้ง่าย จึงแนะนำให้สมาชิกหมักบีเอส-พลายแก้วผสมร่วมกับสูตรเปิดตาดอกด้วย เพื่อป้องกันและกำจัดแคงเกอร์ที่ระบาดในช่วงหน้าฝนและการเปิดตาดอก โดยอาจจะทำการหมักและฉีดพ่นสัก 3-5 วันครั้งไม่ต้องหมักทุกครั้งที่ฉีดพ่นสูตรเปิดตาดอก
                                                     การเตรียมฮอร์โมนไข่
           - ขั้นตอนการเตรียมฮอร์โมนไข่ ใช้ไข่ไก่ 5 กิโลกรัม, กากน้ำตาล 5 ลิตร, ลูกแป้งข้าวหมาก 1 ลูก, บีทาเก้น 1 ขวด                                                                                                                            
           ขั้นตอนการทำ เมื่อได้วัตถุดิบครบแล้วขั้นตอนแรกนำไข่ไก่มาตอกใส่ถังหมัก แยกเปลือกไข่ออก เมื่อตอกไข่จนครบ 5 กิโลกรัมแล้ว ให้นำเปลือกที่เราแยกไว้ไปโขลกหรือบดให้ละเอียดเทใส่รวมกับไข่ที่เราตอกใส่ไว้ในถัง จากนั้นใส่กากน้ำตาลลงไป 5 ลิตร อย่าเพิ่งคน บดลูกแป้งข้าวหมากให้ ละเอียดเทใส่ภาชนะ แล้วตามด้วยบีทาเก้น 1 ขวด จากนั้นคนให้เข้ากัน แล้วปิดปากถังโดยใช้ถุงพลาสติกคลุมแล้วมัดปากถัง ใช้ไม้แหลมเจาะรูปที่ถุงพลาสติกหลาย ๆ รูเพื่อให้ก๊าซที่เกิดจากการย่อยของจุลินทรีย์ผ่านออกมา ห้ามปิดปากถังจนสนิทไม่มีอากาศเข้าออกโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ถังหมักบวม และระเบิดได้ครับ เมื่อทำตามขั้นตอนต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วคราวนี้ต่อไปก็แค่ต้องเปิดถังหมักคนทุกวัน ทำอย่างนี้ไปประมาณ 10-15 วันฮอร์โมนไข่ของเราก็พร้อมที่จะนำไปสู่การใช้เปิดตาดอกแล้วละครับ
           - ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบในการฉีดเปิดตาดอกกระตุ้นทางใบ โดยสูตรที่ต้องเตรียมมีดังนี้
                - น้ำเปล่า                                                        200 ลิตร
                - ซิลิโคเทรซ                                                    50 กรัม
                - ไวตาไลเซอร์                                                 50 กรัม
                - ไคโตซาน MT                                               50 ซีซี.
                - ฮอร์โมนไข่ (สูตรที่ให้ทำข้างต้น)              200 ซีซี.
                - น้ำมะพร้าวอ่อน                                        1,000 ซีซี.
                - น้ำตาลทราย                                                500 กรัม
          นำส่วนผสมต่าง ๆ เทลงในน้ำ 200 ลิตร แล้วคนให้ละลายจนหมด หากสมาชิกท่านใดไม่ได้ใช้ถัง 200 ลิตร อาจจะใช้ถัง 20 ลิตร หรือ 100 ลิตร ก็ให้ลดอัตราการผสมตามสัดส่วนลงมาครับ ในการผสมสูตรเปิดตาดอกฉีดพ่นให้เทส่วนผสมต่าง ๆ รวมกันในน้ำ 200 ลิตรแล้วคนให้ละลายและฉีดพ่นต่อไป
                                                                                                      ขอบคุณภาพเากเวปไซต์ Google.com

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ประวัติย่อ ๆ ของมะนาวแป้นสายพันธุ์ต่าง ๆ

                                                                   แป้นวโรชา
          เจ้าของสายพันธุ์กล่าวว่า เป็นมะนาวสายพันธุที่เกิดขึ้นโดยการผสมข้ามพันธุ์ของสายพันธุ์แป้นรำไพกับแป้นพิจิตร จึงได้ตั้งชื่อว่า “มะนาวแป้นวิเศษ”  โดยระหว่างที่ปลูกมะนาวแป้นพิจิตร ก็ยังปลูกมะนาวแป้นรำไพแซมอีกด้วย แต่แล้วจู่ ๆ ก็เห็นต้นกล้ามะนาวที่เกิดจากเมล็ดของผลร่วงใต้ต้นมะนาว จึงนำมาเลี้ยงจนกระทั่งออกผล "อายุเพียง 2 เดือนก็ให้ผลแล้ว มีน้ำเต็มลูก ยิ่งผลโตเต็มที่ก็ยิ่งให้น้ำเยอะและมีกลิ่นหอมด้วย จุดเด่นพันธุ์นี้มีขั้วที่แข็งแรง ไม่ร่วงง่าย กลายเป็นมะนาวสายพันธุ์ดีที่ได้มาแบบบังเอิญ"


           ต่อมาจากนั้นไม่นานก็ได้พบมะนาวสายพันธุ์ใหม่อีกครั้งที่กลายพันธุ์มาจากแป้นวิเศษและตั้งชื่อว่า "แป้นวโรชา" มาจากชื่อเจ้าของสวน ถือเป็นสุดยอดของมะนาวพันธุ์ใหม่ โดยผ่านการกระชากสายพันธุ์ และกรรมวิธีการใส่ปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมีในสูตรที่ตนผสมขึ้นมาเอง ซึ่งมะนาวพันธุ์นี้มีจุดเด่นให้ผลตลอดทั้งปี ขนาดผลใหญ่กว่าแป้นวิเศษเล็กน้อย ให้น้ำเยอะกว่า ผิวเกลี้ยง เป็นมะนาวไม่มีเมล็ดหรือมีก็เล็กและลีบ ไม่ต้องคลึงก่อนบีบน้ำ ที่สำคัญทนทานต่อโรคแคงเกอร์ได้ดีกว่ามะนาวทั่วไป
           เจ้าของสายพันธุ์เล่าว่า "ต้นตอเดิมแป้นวโรชาก็มาจากแป้นวิเศษนั่นแหละ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนสูตรการให้ปุ๋ยจากเคมีเป็นอินทรีย์ แต่เป็นสูตรเฉพาะที่ผมผสมขึ้นมาเอง ปกติมะนาวทั่ว ๆ ไปจะให้ผลบริเวณทรงพุ่ม แต่แป้นวโรชาจะออกดอกให้ผลตั้งแต่โคนต้นยันปลายกิ่ง และให้ผลตลอดทั้งปี โดยไม่ต้องไปดูแลอะไรมาก โดยเฉพาะโรคแคงเกอร์ พันธุนี้จะไม่เจอเลย"

                                                                   แป้นดกพิเศษ
           มะนาวชนิดนี้ มีข้อแตกต่างและข้อดีกว่ามะนาวแป้นสายพันธุ์ดั้งเดิมคือเวลาติดผลหลังปลูกจะติดผลเป็นพวงอย่างน้อย 2-3 ผล ต่อพวง และติดผลดกมากโดยธรรมชาติไม่ต้องบำรุงปุ๋ยมากนัก ที่สำคัญจะออกผลไม่ขาดต้นให้ผู้ปลูกเก็บรับประทานได้แบบต่อเนื่องตลอดทั้งปี จึงทำให้ “มะนาวแป้นดกพิเศษ” กำลังเป็นที่นิยมของผู้ปลูกอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน


            มะนาวแป้นดกพิเศษ มีชื่อวิทยาศาสตร์เหมือนกับมะนาวทั่วไป คือ LIME, CITRUS AURANTIFOLIA (CHRISTM–PANZ) SWING อยู่ในวงศ์ RUTACEAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นไม้พุ่มสูง 2 เมตร กิ่งอ่อนมีหนามใบเป็นใบประกอบชนิดมีใบย่อยใบเดียว ออกเรียงสลับ รูปไข่หรือรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายแหลมโคนมน ใบค่อนข้างมีขนาดใหญ่กว่าใบของมะนาวทั่วไป เนื้อใบหนา มีจุดน้ำมันกระจาย ก้านใบมีครีบเล็ก ผิวใบเรียบเป็นมัน สีเขียวสด ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆหรือเป็นช่อที่ซอกใบและปลายยอด กลีบดอกเป็นสีขาว เมื่อบานกลีบมักม้วนลง มีเกสรสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอม กลีบดอกร่วงง่าย “ผล” กลมแป้นเล็กน้อย ขนาดผลใหญ่กว่าผลมะนาวแป้นสายพันธุ์ดั้งเดิมอย่างชัดเจน เปลือกผลบาง ผิวผลเรียบ สีเขียวเป็นมัน มีเมล็ดน้อย ให้น้ำเยอะ รสเปรี้ยวจัด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และมีข้อแตกต่างจากมะนาวแป้นพันธุ์ดั้งเดิมคือ จะติดผลเป็นพวง ติดผลดก และติดผลตลอดปีตามที่กล่าวข้างต้น ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง เสียบยอด และทาบกิ่ง

                                                                       แป้นรำไพ  
            คุณลักษณะของมะนาวแป้นรำไพ หากมองด้วยสายตาแล้วนั้นสิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนคือใบ จะเล็กปานกลางสีจะออกมาทางเขียวอ่อนๆ หนามและข้อจะสั้น ฉะนั้นเวลาแตกยอดใหม่จะได้ช่วงประมาณ 1 คืบ แต่จะแตกออกมาเป็นลักษณะทวีคูณ ยิ่งโตทรงพุ่มจะยิ่งแผ่กว่างขึ้นจุดเด่นของมะนาวแป้นรำไพที่ไม่มีมะนาวสายพันธุ์ไหนๆเทียบได้เลยก็คือ ทรงแป้น ผลโตออกลูกดก เปลือกบาง เมล็ดน้อยมากมีแค่


3-4 เมล็ด เท่านั้นเอง ส่วนกลิ่นจะเป็นกลิ่นที่เราคุ้นเคยมากๆหากมีการให้คะแนนผู้เขียนจะให้คะแนน 10 เต็ม 10 เลยทีเดียว ส่วนการจำหน่ายผลผลิตสามารถขายได้ตลอดปี แต่ข้อเสียของมะนาวแป้นรำไพที่มือใหม่หลายคนอาจจะพบเจอคือ จะเป็นโรคได้ง่าย เช่น แคงเกอร์ ยางไหล เป็นต้น ฉะนั้นการดูแลต้องเน้นไปที่การป้องกัน แล้วปัญหานี้จะทุเลาเบาบางหรือหมดไปในที่สุด

                                                                 มะนาวแป้นพิจิตร1
           มะนาวแป้นพิจิตร1 ถือเป็นสายพันธุ์ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนปลูกมะนาว ในวงบ่อซีเมนต์และปลูกลงดิน เดิมมะนาวลูกผสมพันธุ์นี้ ชื่อ“พันธุ์M33” เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างมะนาว พันธุ์แป้น (พันธุ์แม่) ซึ่งคนไทยนิยมบริโภค กับมะนาวพันธุ์น้ำหอม (พันธุ์พ่อ)ที่มี
ความต้านทานโรค แคงเกอร์ โดยศูนย์วิจัย พืชสวนพิจิตรได้ทำการ คัดเลือกและ ผสมพันธุ์เรื่อยมา จนกระทั่งได้มะนาวลูกผสมพันธุ์ดังกล่าว ซึ่งมีการเจริญเติบโตดี
มีทรงต้นโปร่ง ไม่แน่นทึบ หนามมีขนาด 1.5-3 ซม. และมีจุดเด่นที่สามารถต้านทาน โรคแคงเกอร์ สูง ทั้งที่ใบกิ่งและผล โดยที่ใบและผลพบจุดแผลของโรคน้อยกว่า 8% และที่กิ่งมีความต้านทานโรคสูงมาก พบอาการของโรคน้อยกว่า 1%


           นอกจากนี้มะนาวพันธุ์พิจิตร1 ยังมีปริมาณดอกสมบูรณ์เพศจำนวนมาก สามารถ ติดผลง่ายและให้ผลผลิตสูง โดยจะให้ผลผลิตหลังปลูก 12-18 เดือน ที่อายุ 3-4 ปี
จะให้ผลผลิตประมาณ 1,500-2,000 กก./ไร่ เมื่ออายุ 5 ปี จะได้ผลผลิตสูง 400-1,000 ผล/ต้น/รุ่น ผลมีลักษณะทรงแป้น ก้นผลเรียบ สีผลเขียวเข้มเป็นมัน
มีกลิ่นหอม น้ำหนักผล 70-100 กรัม เปลือกบาง 0.15 ซม. ให้ปริมาณน้ำคั้น 34% ปริมาตร/น้ำหนัก ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้ (TSS) 7.5 บริกซ์ มีปริมาณกรดซิตริก 8.8% ปริมาณวิตามินซี 40.5 มก./100 ซีซี
          “มะนาวแป้นพิจิตร 1″ ได้ทดลองปลูกจนติดผลแล้ว ปรากฏว่ามีข้อเด่นคือติดผลดกมาก และ ที่สำคัญเป็นมะนาวที่มีความทนทานต่อการถูก “โรคแคงเกอร์” ลงเกาะกินผลได้ดีกว่ามะนาวสายพันธุ์ทั่วไป ผลมีขนาดใหญ่ เปลือกผลค่อนข้างบาง ให้น้ำเยอะ มีรสเปรี้ยวจัด
           นอกจากนี้ยังมีสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของเกษตรกรทั่ว ๆ ไป ผู้เขียนได้รวบรวมสายพันธุ์ที่ตนเองนิยม และหวังว่าท่านผู้อ่านก็คงชื่นชอบแตกต่างกันออกไป เพียงแต่ว่าตลาดค้ามะนาวจะนิยมสายพันธุ์ไหน ก็จะทำให้เกษตรกรหันมานิยมปลูกมะนาวในสายพันธุ์ที่ตลาดต้องการนั่นเอง
                                                                       ขอขอบพระคุณภาพจากเวปไซต์และเจ้าของภาพทุกท่าน

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

การทำวัสดุปลูกสไตล์สวนซับสมบูรณ์

           ตามความประสงค์ของทางสวนซับสมบูรณ์ที่จะปลูกมะนาวโดยไม่ใช้ดินเนื่องจากเห็นว่ามะนาวเป็นพืชที่รากหาอาหารอยู่ใกล้พื้นดินในระดับตื้น ๆ และดินที่สวนได้ใช้ในการปลูกพืชมาเป็นเวลานาน ก็เลยคิดว่าพื้นดินคงจะมีแร่ธาตุสำหรับพืชน้อย และพื้นดินมักแข็งเป็นดาน ยากที่รากของมะนาวจะชอนไชไปหาอาหารได้สะดวก อันจะเป็นสาเหตุให้มะนาวไม่สมบูรณ์ ทำให้มีภูมิต้านทานโรคพืชต่ำ อันจะนำโรคต่าง ๆ เกิดขึ้น เช่น แคงเกอร์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โรครากเน่าที่เกิดจากเชื้อรา และโรคอื่น ๆ เช่น โรคยางไหล โรคใบแก้ว โรคทริสเตซ่า และโรคราดำ เป็นต้น


แกลบดิบ แกลบดำ ขุยมะพร้าว มูลสัตว์ ใบไม้แห้ง

           การป้องกันเบื้องต้นโดยการควบคุมโรคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรค เพราะถ้าเป็นแล้วล้วนยากต่อการรักษา ทำให้ต้นทุนการผลิตเพื่มขึ้น  การป้องกันกันโรคแคงเกอร์ที่ดีคือการปลูกพันธุ์มะนาวที่ทนต่อโรค เช่นพันธุ์พิจิตร 1 พันธุ์ตาฮิติ เป็นต้น ส่วนโรครากเน่าก็ป้องกันโดยไม่ปลูกมะนาวลึกเกินไป ไม่นำปุ๋ยคอกที่เก็บใหม่ ๆ หรือยังไม่มีการย่อยสลายมาใช้

          ทางสวนซับสมบูรณ์จึงคิดสูตรดินที่เป็นของตนเองเพื่อนำมาปลูกมะนาว โดยความรู้พื้นฐานได้มาจากการศึกษาสูตรดินของสวนต่าง ๆ แล้วนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เหมาะกับท้องถิ่นของสวน โดมีส่วนผสมที่สำคัญ ดังนี้
           1. แกลบดิบ เป็นแกลบดิบที่ได้มาจากการซื้อที่โรงสีข้าว ถ้าเป็นแกลบดิบค้างปีจะดีที่สุด
           2. แกลบดำ ได้จากการเผาแกบดิบโดยควบคุมการเผาใหม้ให้เหมาะสม
           3. ขุยมะพร้าว ได้จากร้านที่จำหน่ายมะพร้าว หรือหาซื้อได้ที่ร้านขายต้นไม้ทั่วไป


จะเห็นมีใบไม้แห้งผสมอยู่ด้วย

           4. มูลสัตว์ ทางสวนใช้มูลวัวนมเพราะจะมีแร่ธาตุต่าง ๆ มากกว่ามูลวัวทั่วไปที่มีเม็ดหญ้าเป็นจำนวนมาก
           5. ดินพร้อมปลูก ทางสวนใช้ดินตรา มทส. ที่ผลิตโดยมหาวิทาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา
           6. โดโรไมต์ เป็นสารปรับสภาพดินให้มีความเป็นกรด/ด่าง ปานกลาง
           7. น้ำหมักชีวภาพ เป็นตัวทำให้เกิดการย่อยสลายของวัสดุต่าง ๆ ข้างต้น


คลุกเคล้าวัสดุปลูกให้เข้ากัน
อัตราส่วนผสม
           ใช้แกลบดิบ แกลบดำ ขุยมะพร้าว มูลสัตว์ และดินพร้อมปลูก อย่างละ 1 ส่วน ส่วนโดโรไมต์ใช้ต้นละประมาณ 1 กำมือ  น้ำหมักชีวภาพ 50 ซีซี /น้ำ 20 ลิตร
 วิธการทำ
           หลักจากกองวัสดุปลูกข้างต้นแล้วให้ใช้จอบหรือพลั้วคลุกเคล้าวัสดุปลูกให้เข้ากัน สมมุติว่าเราผสมดินปลูก 1 ต้น ก็ให้ใส่โดโรไมต์ 1 กำมือ ขณะคลุกเคล้าให้ใช้น้ำหมักชีวภาพที่เตรียมไว้ราดบนกอง


สีวัสดุปลูกตอนรดน้ำหมักชีวภาพ

วัสดุปลูกเพื่อให้วัสดุปลูกมีความชื้นพอควร และระวังอย่างให้แห้งหรือน้อยเกินไปเพราะเชื้อจุลินทรีย์จะตาย ทำให้วัสดุปลูกไม่มีคุณภาพ เมื่อคลุกเคล้าเข้ากันดีแล้ว ให้หมักวัสดุปลูกไว้ในที่ร่มอย่างน้อย 15 วัน จึงจะสามารถนำมาใช้ได้


กองวัสดุปลูกที่ผสมแล้วโดยคลุมด้วยกระสอบป่านอยู่ในที่ร่ม

          การทำวัสดุปลูก้างต้นนี้เป็นสูตรทั่ว ๆ ไป แต่ละสวนสามารถพลิกแพลงได้ตามความเหมาะสมของแต่ละท้องถิ่น ไม่มีกฏตายตัว แต่วัสดุปลูกหลัก ๆ คงคล้าย ๆ กัน สุดแต่ว่าแต่ละสวนจะเชื่อและใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อให้วัสดุปลูกใช้ได้ และเกิดประโยชน์จริง ๆ 

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

มะนาวสรรพคุณสมุนไพรไทย

กลุ่มยาขับเสมหะ แก้ไอ



ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Citrus aurantifolia (Christm.)  Swingle
ชื่อสามัญ :   Common lime
วงศ์ :   Rutaceae
ชื่ออื่น :  ส้มมะนาว มะลิว (ภาคเหนือ)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่ม สูง 2-4 เมตร กิ่งอ่อนมีหนามแหลม เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลปนเทา ใบ เป็นใบประกอบ ออกเรียงสลับ มีใบย่อยใบเดียว รูปไข่หรือรูปรียาว กว้าง 3-5 ซม. ยาว4-8 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบมนมีปีกแคบๆ ขอบใบหยัก แผ่นใบมีต่อมน้ำมันกระจายอยู่ตามผิวใบ ดอก ออกเป็นช่อสั้น 5-7 ดอก หรือออกดอกเดี่ยวตามซอกใบ ที่ปลายกิ่ง ดอกสีขาว กลีบดอกมี 4-5 กลีบ หลุดร่วงง่าย ผล รูปทรงกลม ผิวเรียบเกลี้ยง ผลอ่อนสีเขียวเข้ม พอแก่เป็นสีเหลือง ข้างในแบ่งเป็นห้องแบบรัศมี มีรสเปรี้ยว เมล็ดกลมรี สีขาว มี 10-15 เมล็ด
ส่วนที่ใช้ :  น้ำมะนาว (น้ำคั้นจากผล)  ราก  ใบ  ดอก  ผล  เมล็ด
สรรพคุณ :
น้ำมะนาว  - แก้โรคลักปิดลักเปิด (เลือดออกตามไรฟัน) ทำอาหาร ขับเสมหะ ฟอกโลหิต ทำให้ผิวนุ่มนวล แก้ซาง บำรุงเสียง บำรุงโลหิต ขับระดู แก้เล็บขบ แก้ขาลาย จิบแก้ไอ ดับกลิ่นเหล้า ฆ่าพยาธิในท้อง รักษาผม ขับลม รักษาลมพิษ แก้ริดสีดวง แก้ระดูขาว แก้พิษยางน่อง แก้ไข้ แก้ไข้กาฬ แก้ฝี แก้ปวด แก้อักเสบ
ราก - กระทุ้งพิษไข้ ถอนพิษสำแดง แก้สติหลงลืม แก้ไข้ แก้ไข้กาฬ แก้ฝี แก้ปวด แก้อักเสบ ถอนพิษไข้ กลับไข้ซ้ำ
ใบ - ฟอกโลหิต แก้ตับทรุด
ดอก - แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อและปวดท้อง แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน (เกิดจากธาตุไม่ปกติ ) แก้ไอ ขับเสมหะ
ผล - แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อและปวดท้อง ทาแก้ผิวแห้งตกสะเก็ด แก้สิวฝ้า แก้ส้นเท้าแตก แก้ไอ รักษาแผลจากแมลงมีพิษ
เมล็ด - แก้พิษตานซาง แก้หายใจขัด แก้ไข้ขับเสมหะ แก้พิษฝีภายใน
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
1. ยาแก้ไอขับเสมหะ
น้ำในผลที่โตเต็มที่ น้ำมะนาว 2-3 ช้อนแกง, เมล็ดมะนาว 10-20 เมล็ด  นำน้ำมะนาวเติมเกลือเล็กน้อย จิบ จะช่วยทำให้เสมหะถูกขับออก และเสียงดี ถ้าเป็นเมล็ดมะนาวนำไปคั่วให้เหลือง   บดให้ละเอียด เติมพิมเสน 2-5 เกล็ด ชงน้ำร้อนรับประทาน เป็นยาขับเสมหะ
2. ยาป้องกันหรือแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน (ลักปิดลักเปิด)
ใช้น้ำจากผลที่แก่จัดไม่จำกัด เติมเกลือ น้ำตาล น้ำแข็ง ใช้เป็นเครื่องดื่ม หรือจะใส่ในอาหาร ก็ได้ผลเช่นกัน
3. ยาห้ามเลือด ใส่แผลสด
ใช้น้ำจากผล ครึ่งช้อนชา หรือ 1/4 ช้อนแกง แผลถูกมีดบาด เลือดไม่หยุด บีบน้ำมะนาวลงไป    3-4 หยด เลือดจะหยุด
สารเคมี :
          ใบ  มี Alcohols, Aldehydes, Elements, Terpenoids, Citral
          ผล  มี  1 - Alanine, γ - Amino butyric acid, 1 - Glutamic acid
          เมล็ด มี  Glyceride Oil
          น้ำมันหอมระเหย   มี  P - Dimethyl - a - Styrene, Terpinolene

กลุ่มยากัน หรือ แก้เลือดออกตามไรฟัน



ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Citrus aurantifolia (Christm.)  Swingle
ชื่อสามัญ :   Common lime
วงศ์ :   Rutaceae
ชื่ออื่น :  ส้มมะนาว มะลิว (ภาคเหนือ)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่ม สูง 2-4 เมตร กิ่งอ่อนมีหนามแหลม เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลปนเทา ใบ  เป็นใบประกอบ ออกเรียงสลับ มีใบย่อยใบเดียว รูปไข่หรือรูปรียาว กว้าง 3-5 ซม. ยาว4-8 ซม. ปลายใบแหลม  โคนใบมนมีปีกแคบๆ ขอบใบหยัก แผ่นใบมีต่อมน้ำมันกระจายอยู่ตามผิวใบ ดอก ออกเป็นช่อสั้น 5-7 ดอก หรือออกดอกเดี่ยวตามซอกใบ ที่ปลายกิ่ง ดอกสีขาว กลีบดอกมี 4-5 กลีบ หลุดร่วงง่าย ผล รูปทรงกลม ผิวเรียบเกลี้ยง ผลอ่อนสีเขียวเข้ม พอแก่เป็นสีเหลือง ข้างในแบ่งเป็นห้องแบบรัศมี มีรสเปรี้ยว เมล็ดกลมรี สีขาว มี  10-15 เมล็ด
ส่วนที่ใช้ :  น้ำมันจากผิวของผลสด น้ำคั้นจากผลมะนาว
สรรพคุณ :
          น้ำมันจากผิวมะนาว ใช้เป็นยาขับลม แก้ท้องอืดเฟ้อ แน่นจุกเสียด แต่งกลิ่น น้ำคั้นจากผลมะนาว รักษาอาการเจ็บคอ แก้ไอ ขับเสมหะ และรักษาโรคลักปิดลักเปิดซึ่งเกิดจากการขาดวิตามินซี
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
          1.  ใช้ผิวมะนาวแห้ง 10-15 กรัม ต้มน้ำรับประทาน
          2.  ใช้น้ำมะนาว 1 ถ้วยชา ผสมน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ และเกลือเล็กน้อย ชงน้ำอุ่น    จิบบ่อยๆ
สารเคมี : ผิวมะนาวมี น้ำมันหอมระเหย ประกอบด้วย d-limonene, linalool, terpineol และflavonoids
       


มะนาวโซดาลดความอ้วน ความพิเศษของสมุนไพรใกล้ตัว ที่จะมาไขข้อข้องใจเรื่องการลดน้ำหนักให้สาว ๆ ได้ทราบกัน


มะนาวโซดา


         สำหรับผู้หญิงยุคใหม่ เรื่องหุ่นเพรียวกระชับเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้ใบหน้าสวย ๆ กันเลยทีเดียว ทำให้สาว ๆ หลายคนต่างก็เฟ้นหาวิธีการลดน้ำหนัก แล้วลงมือทำจนได้หุ่นสวย ๆ ฟิต แอนด์ เฟิร์มมาครอบครอง แต่สำหรับบางคนที่ไม่ว่าคุณจะลดน้ำหนักด้วยวิธีไหน ๆ ก็ไม่เคยลดลงอย่างที่ตั้งใจเลยสักที...  แล้วสาว ๆ เคยสงสัยกันไหมคะว่าอะไรที่เป็นสาเหตุของการลดน้ำหนักที่ไม่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ ?
         วันนี้กระปุกดอทคอมมีคำตอบมาฝากคุณสาว ๆ ให้ได้ถึงบางอ้อว่าการที่น้ำหนักของคุณไม่ลดนั้น เป็นเพราะการทำงานของระบบย่อยอาหารของคุณมีปัญหา ทำให้ประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหารของลำไส้ลดลง แต่สิ่งที่จะช่วยลดปัญหานี้ได้คือ มะนาว สมุนไพรใกล้ตัว ที่หาได้ง่าย ๆ ในบ้านของเรานี่เองจ้า เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาเรามาดูกันดีกว่าว่ามะนาวมีความพิเศษอะไรที่จะมาช่วยแก้ปัญหาคาใจของสาว ๆ ได้
         จากผลการวิจัยพบว่า หากระบบย่อยอาหารของคนเราทำงานผิดปกติ ต่อให้เราหักโหมออกลดน้ำหนักแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ค่ะ เพราะลำไส้ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นในการเผาผลาญไขมันได้ ทำให้ไขมันเหล่านั้นกลายเป็นสารพิษตกค้างในร่างกาย และจะกลายเป็นปัญหาไขมันสะสม  ในที่สุด แต่ มะนาว จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารของคุณค่อย ๆ ปรับสภาพให้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยสกัดสารพิษได้เป็นอย่างดีด้วย เพราะในมะนาวอุดมไปด้วยกรดไซตริก 7-8 % เรียกได้ว่าสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทุก ๆ ประเภท และหากนำน้ำมะนาวมาผสมรวมกับกรดอื่น ๆ ที่ไม่มีน้ำตาล ก็จะยิ่งช่วยกระตุ้นให้น้ำย่อยในกระเพาะทำงานได้ดียิ่งขึ้น
         และหากคุณอยากจะแก้ไขปัญหาระบบการทำงานของลำไส้ให้ดีขึ้นอย่างที่กล่าวมาข้างต้น วันนี้เราจึงขอแนะนำเมนูสุดยอดตัวช่วยลดน้ำหนักให้คุณได้ไปลองทำดู อย่าง "น้ำมะนาวโซดา" ซึ่งมีวิธีทำที่ง่ายมาก ๆ เพียงแค่สาว ๆ บีบน้ำมะนาว 1 ลูก ผสมกับโซดา 1 ขวด ซึ่งมีฤทธ์เป็นกรด แล้วดื่มทุกเช้า จะช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว เพื่อให้สารพิษถูกดันออกมากับอุจจาระ หลังจากที่ดื่มแล้วคุณจะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำทันที วิธีนี้เรียกว่า "การดีท็อกซ์ลำไส้" นั่นเองค่ะ เป็นวิธีที่จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารของเราทำงานอย่างเป็นปกติ ร่างกายจะสามารถเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งน้ำมะนาวยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมให้กักเก็บเอาไว้ในเซลล์ไขมันได้ในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อช่วยเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น ทำให้น้ำหนักของคุณสาว ๆ ลดลงได้อย่างที่ต้องการ และไม่ต้องหนักใจกับปัญหาเดิม ๆ อีกต่อไปค่ะ
         ทราบอย่างนี้แล้ว สาว ๆ คนไหนที่มีปัญหาในการลดน้ำหนักอยู่ ก็อย่ารอช้านะคะ รีบจัดแจงหาน้ำมะนาวโซดามาดื่มกันด่วนเลยค่ะ และการลดน้ำหนักที่จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด สาว ๆ ควรรับประทานอาหารให้ครบ  5 หมู่ ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อีกทั้งต้องออกกำลังกายเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อของสาว ๆ กระชับได้สัดส่วนด้วยนะคะ ^^

                                                                       ขอบคุณ : ข้อมูลและภาพจากกระปุกดอทคอม

สรรพคุณของมะนาวด้านอื่น ๆ 



1. ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ
2. ช่วยแก้อาเจียน เป็นลมวิงเวียนศีรษะ เมาเหล้าได้
3. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูงและต่ำ
4. รู้หรือไม่ว่ามะนาวก็เป็นยาอายุวัฒนะ และช่วยในการเจริญอาหารได้ด้วย
5. แก้อาการวิงเวียนหลังคลอดบุตร
6. แก้อาการลมเงียบ ด้วยการเอาใบมะนาวมาต้มกินกับยาหอม
7. แก้โรคตาแดง
8. ใช้เป็นยาแก้ไข้ก็ได้เหมือกัน ด้วยการนำใบมาหั่นเป็นฝอยๆ แล้วนำมาชงในน้ำเดือด ดื่มเป็นน้ำชา           หรือใช้อมกลั้วคอเพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรค
9. ใช้ในการแก้ไข้ทับระดู ด้วยการเอาใบมะนาวประมาณ 100 ใบมาต้มกิน
10. สามารถช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด หรือเลือดออกตามไรฟันได้ เพราะในมะนาวมีวิตามินซีสูงมาก
11. มะนาวช่วยในการขับเสมหะ
12. ช่วยแก้ไอ หรืออาการไอที่มีเลือดปนออกมา ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการลงได้ดีในระดับหนึ่ง
13. ช่วยบรรเทาอาการต่อมทอนซิลอักเสบ
14. ช่วยบรรเทาอาการเสียบแหบแห้ง
15. ช่วยลดอาการเหงือกบวม
16. ใช้เป็นยาบ้วนปาก ด้วยการใช้น้ำมะนาว 3-4 หยด ก็จะทำให้ช่องปากสะอาดมากยิ่งขึ้น
17. ช่วยแก้ลิ้นเป็นฝ้า ด้วยการใช้สำลีชุบน้ำมะนาวเช็ดที่ลิ้นวันละ 2-3 ครั้ง
18. ช่วยในการขจัดคราบบุหรี่
19. แก้เล็บขบ ด้วยการนำมะนาวมาผ่าส่วนหัวแล้วคว้านเอาเนื้อข้างในออกเล็กน้อย แล้วใช้ปูนทาบางๆ แล้วเอานิ้วสอดเข้าไป
20. ก้างติดคอ ให้นำน้ํามะนาว 1 ลูกมาคั้นแล้เติมเกลือ ใส่น้ำตาลเล็กน้อยแล้วกรอกลงไปให้ตรงกับ        บริเวณที่ก้างติดคอ อมไว้สักครู่แล้วค่อยๆกลืน ก้างปลาจะอ่อน ตัวลงแล้วหลุดลงไปในกระเพาะ
21. ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง แน่นท้อง ด้วยการนำน้ำมะนาวมาใช้กินกับน้ำตาล


22. แก้อาการท้องร่วง ด้วยการดื่มน้ำมะนาว
23. ช่วยการขับพยาธิไส้เดือน ด้วยการดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว
24. ช่วยรักษาอาการท้องผูก ด้วยการดื่มน้ำมะนาวผสมเกลือเล็กน้อย ก็เป็นยาระบายชั้นดี
25. ช่วยรักษาโรคกระเพาะ ด้วยการนำเปลือกมะนาวมาชงกับน้ำอุ่น และดื่มเป็นยา
26. แก้อาการบิด ด้วยการใช้มะนาวกับน้ำผึ้งอย่างละเท่าๆกัน แล้วนำมาดื่ม
27. แก้อาการปัสสาวะกระปริบกระปอย ด้วยการใช้ใบนะนาวสดต้มกับน้ำตาลแดง แล้วน้ำมาดื่ม
28. สรรพคุณของมะนาวก็ช่วยรักษาโรคนิ่วได้เหมือนกัน
29. แก้อาการระดูขาว ด้วยการดื่มน้ำมะนาวผสมเกลือกับน้ำตาลนิดหน่อย
30. แก้ผิดสำแลง นำรากมะนาวมาฝนกับน้ำซาวข้าวแล้วนำมารับประทาน
31. ช่วยฟอกโลหิต ด้วยการนำใบมะนาวต้มผสมกับน้ำแล้วนำมาดื่มเป็นประจำ
32. ช่วยบำรุงโลหิต รักษาโรคโลหิตจาง ด้วยการนำน้ำมะนาวผสมกับน้ำหวานและปรุงด้วยเกลือทะเลพอสมควร ใส่น้ำแข็งนำมาดื่ม
33. แก้โรคเหน็บชา ร้อนในกระหายน้ำด้วยการดื่มน้ำมะนาว
34. ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียด้วยการดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำตาล
35. การดื่มน้ำมะนาวจะช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้อีกด้วย
36. รักษาโรคผิวหนัง ด้วยการนำน้ำมะนาวมาทาบริเวณที่เป็น
37. บรรเทาอาการคันบริเวณผิวหนัง
38. แก้สังคัง ใช้มะนาวผ่าซีกแล้วนำมาทาบริเวณดังกล่าว เป็นประจำก่อนเข้านอนแล้วหลังตื่นนอน
39. แก้ปัญหา กาก เกลื้อน หิด ด้วยการนำกำมะถันมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำมะนาว แล้วนำมาทาบริเวณดังกล่าวหลังอาบน้ำ
40. แก้หูด ด้วยการใช้เปลือกมะนาวนำมาหมักกับน้ำส้มสายชูประมาณ 2 วันแล้วนำเปลือกมาปิดทับบริเวณที่เป็นหูด
41. แก้ฝีและอาการปวดฝี โดยใช้รากมะนาวสดมาฝนกับเหล้าและนำมาทา ขูดเอาผิวมะนาวผสมกับปูนแดงปิดไว้
42. แก้ฝีมะตอย ด้วยการนำมะนาวทั้งลูก มาคว้านไส้ด้านในออกให้พอเอานิ้วแหย่เข้าไปได้ แล้วนำมาปูนกินหมากทาเข้าไปในลูกมะนาวเล็กน้อย แล้วสวมนิ้วเข้า ไป
43. รักษาโรคน้ำกัดเท้า หรือปูนซีเมนต์กัดเท้าด้วยการใช้น้ำมะนาวทาบริเวณดังกล่าว ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วล้างออก
44. แก้ผิวหนังฟกช้ำ หัวโน อาการปวดบวม ปูดแดง ด้วยนำน้ำมะนาวกับดินสอพองมาผสมให้เข้ากัน แล้วทาบริเวณดังกล่าววันละ 1-2 ครั้ง


น้ำขิงมะนาวโซดา


45. แก้แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก พุพองแสบร้อน ด้วยการใช้น้ำมะนาวชโลมบริเวณดังกล่าว
46. แก้แผลบาดทะยัก ด้วยการใช้น้ำมะนาวมาทาบริเวณที่เกิดบาดแผล
47. ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็น ด้วยการใช้น้ำมะนาวผสมดินสอพองให้เข้ากัน แล้วนำมาทาบริเวณที่เป็นรอยแผล
48. ช่วยบรรเทาอาการคันหนังศีรษะ ด้วยการใช้น้ำมะนาวนวดศีรษะให้ทั่วแล้วค่อยสระผม
49. น้ำมะนาวช่วยดับกลิ่นเต่าหรือกลิ่นกายได้เหมือนกัน โดยนำน้ำมะนาวมาทาบริเวณรักแร้
50. แก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย และช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด
51. แก้พิษจากการโดนงูกัด
52. ป้องกันภัยจากงู ด้วยการใช้เปลือกวางไว้บริเวณใกล้ที่นอนๆ งูจะไม่มารบกวนเพราะได้กลิ่นมะนาว
53. แก้แมงคาเรืองเข้าหู ด้วยการใช้น้ำมะนาวหยอดหู
54. หุงข้าวให้ขาวและอร่อยขึ้น ด้วยการนำน้ำมะนาวประมาณ 2-3 ช้อนแล้วนำไปซาวข้าว
55. ทอดไขให้ฟูและนิ่ม มะนาว 4-5 หยดจะช่วยได้
56. มะนาวช่วยลดกลิ่นคาวจากปลาเมื่อทำอาหาร และทำให้ปลาคงรูปไม่เละ
57. สำหรับแม่ครัวที่หั่นหรือเด็ดผักเป็นประจำ จะทำให้เล็บมือเป็นสีดำ นำมะนาวมาถูจะช่วยปัญหาดังกล่าวได้
58. หากใช้มีดผ่าปลีกกล้วย มีดจะมีสีม่วงคล่ำ ล้างออกลำบาก นำมานาวที่ผ่าแล้วมาถูกตามใบมีดจะช่วยมีดของคุณสะอาดดังเดิม
59. การเชื่อมกล้วยหักมุมให้น่ารับประทาน เมื่อน้ำตาลเดือดเป็นยางมะตูมแล้ว ให้บีบมะนาวครึ่งซึกลงไป จะช่วยให้กล้วยใสน่าทานมากยิ่งขึ้น
60. มะนาว 2-3 ลูกใส่ไว้ในถังข้าวสารช่วยป้องกันมอดได้
61. เปลือกมะนาวสามารถนำมาเช็ดภาชนะให้เงางามขึ้นได้ เช่น เครื่องเงิน ทองเหลือง ทองแดง เป็นต้น

จะเห็นได้ว่ามะนาวลูกเล็ก ๆ สามารถทำให้เราหายจากโรคภัยไข้เจ็บ เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรามาก จึงเป็นพืชสมุนไพรที่ทุกครัวเรือนจะต้องใช้เพื่อความสุองการมีสุขภาพที่ดีของเรา

ปลูกมะนาวแบบไร้ดิน ลดโรคพืชที่เกิดเชื้อรา

               เกษตรกรผู้ปลูกมะนาวมักพบเจอกับปัญหาเชื้อราโรคพืชเข้าทำลายต้นกล้ามะนาวจนทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต และตายได้ ด้วยส่วนหนึ่งมาจากเชื้อสาเหตุนั้นสะสมอยู่ในดิน โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกที่พบว่ามีการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อรามาก่อน
                 ด้วยเหตุผลดังกล่าว คุณวโรชา จันทโชติ   เจ้าของสวนมะนาววโรชา ต้นตำหรับ "มะนาวแป้นวโรชา" จึงคิดหาวิธีจัดการกับปัญหาของโรคพืชด้วยการปลูกมะนาวแบบไม่ใช้ดิน ซึ่งได้ผลดีในการป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ทั้งยังทำให้สามารถควบคุมปัจจัยอื่นๆ ที่จำเป็นต่อพืชได้ดี จนพืชให้ผลผลิตเร็วกว่าเมื่อเทียบกับการปลูกในดินตามปกติ ด้วยการจัดการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

ส่วนผสมเครื่องปลูกมะนาว (ส่วนที่1 )

     1. ขุยมะพร้าว
     2. มูลสัตว์
     3. ขี้เถ่าแกลบ
     4. แกลบเก่า
     5. โดโลไมด์ 1 กำมือ
     6.น้ำหมักชีวภาพ 50 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร

          วิธีการทำ : วัตถุดิบ 1 - 4 ใช้อัตราส่วนอย่างละเท่า ๆ กัน พร้อมนำโดโลไมค์มาผสมคลุกเคล้า และโรยน้ำหมักชีวภาพที่ผสมแล้วคลุกเคล้าให้วัตถุดิบเกิดความชุ่มชื้น
           ส่วนผสมเครื่องปลูกมะนาว (ส่วนที่ 2) ได้แก่ เศษไม้ใบหญ้า ผักตบชวา ใช้ในอัตราส่วน 3 ใน 4 ของวงบ่อที่เราเตรียมปลูก

 ขั้นตอนการปลูก

     1. เริ่มจากการนำส่วนผสมในวนที่ 2 มาใส่ในวงบ่ออัตราส่วน 3/4 ของวงบ่อ
     2. นำส่วนที่ 1 ที่ผสมคลุกเคล้าเข้ากันแล้วมาเติมใส่ด้านบนต่อจากชั้นของผักตบชวา อีก 1 ส่วน
     3. เกลี่ยให้เสมอ จากนั้นคุ้ยบริเวณส่วนกลางขึ้นมาไม่ต้องลึก
     4. นำกิ่งมะนาวที่เตรียมไว้นำลงปลูก กลบด้านบน ให้เสมอกับข้อแรกของกิ่งมะนาว
     5.จากนั้นรดน้ำพอชุ่ม ดูแลตามปกติ

ประโยชน์ของการปลูกมะนาวโดยไม่ใช้ดิน

          จะช่วยลด/ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราได้ดีโดเฉพาะโรครากเน่า/โคนเน่า เหมาะสำหรับพื้นที่ ที่พบว่ามีการระบาดของโรคมะนาวที่เกิดจากเชื้อรา และวิธีนี้มะนาวจะให้ผลผลิตได้เร็วกว่า เนื่องจากวัสดุปลูกนั้นช่วยซึมซับปุ๋ยได้ดีกว่าการปลูกในดิน

                                                                  เรียบเรียงโดย : กาญจนา ทองคำ.เจ้าหน้าที่ร่วมด้วยช่วยกัน
                                                                                           ขอบพระคุณ : ทีมรักบ้านเกิด

การดูแลมะนาวปลูกใหม่

การดูแลมะนาวเล็กเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะว่ามะนาวเล็กจะเป็นพื้นฐานในการเป็นมะนาวโตที่จะให้ผลผลิตที่ดี มีผลผลิตจำนวนมาก ทำให้การทำมะนาวมีความคุ้มค่ามากที่สุด ฉะนั้นผู้ปลูกมะนาวทุกคนจะต้องผ่านจุดสำคัญจุดนี้ให้ได้ และต้องทำให้ดีที่สุด การดูแลมะนาวเล็ก มีดังนี้


        1. การให้ปุ๋ยทางดิน  ให้ใส่ปุ๋ยหลังจากปลูกแล้วประมาณ  1-2  เดือน เพราะระแรกรากมะนาวยังอ่อนแออยู่  สังเกตเห็นว่าใบชุดแรกเริ่มแตกใบอ่อน ออกมา โดยใส่ปุ๋ยดังนี้
            1.1 ปุ๋ยเคมี  สูตรข้างหน้าสูง เช่น สูตร 25-7-7  หรือ ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ 27-6-6 หรือใช้สลับกับปุ๋ยสูตร 46-0-0 ในกรณีที่เกษตรกรต้องการกิ่งกระโดงเพื่อเอาไว้ตอนกิ่ง ในอัตรา ประมาณ 1-2  ช้อนแกง ห่างจากโคนต้นมะนาวประมาณ  1  คืบมือ
           1.2  การให้ปุ๋ยทางใบให้ใช้ปุ๋ยเกล็ดสูตร 30-20-10  ร่วมกับสารเร่งการเจริญเติบโตของพืช (เช่นสาหร่าย)  และยาฆ่าแมลงผสมเข้าไปด้วยกันและฉีดพ่นพร้อมกัน
        2. พยายามรักษายอดอ่อนของต้นมะนาวเล็กให้ได้ โดยเฉพาะเกษตรกรเริ่มปลูกมะนาวหน้าฝน  ศัตรูที่ระบาดมากในหน้าฝน ช่วงเดือน พ.ค.- ต.ค. คือหนอนชอนใบ  หนอนกินใบ  และเพลี้ยไฟจะทำความเสียหายให้กับมะนาว  ระยะแตกใบอ่อน ซึ่งจะส่งผลทำให้โรคแคงเกอร์ตามมาอีกโดยเฉพาะมะนาวแป้นรำไพซึ่งอ่อนแอต่อโรคนี้มาก  ฉะนั้นการพ่นสารเคมีให้ปฏิบัติ ดังนี้คือ
           2.1  เมื่อมะนาวเริ่มแตกตายอด ประมาณครึ่งเซนติเมตร  ให้นับเป็นวันเริ่มแรกของการพ่นสารเคมี ตามตารางการพ่น
                   - วันที่  1   มะนาวเริ่มแตกตายอดพ่น เคมี  อะบาแม็คติน
                   - วันที่  4  พ่นเคมี  อะบาแม็คติน  
                   - วันที่  7  พ่นเคมี ไซเปอร์แม็คติน


        3. การป้องกันและคุมโรคแคงเกอร์ ของมะนาว   โดยเฉพาะผู้ปลูกมะนาวใหม่ (มะนาวเล็ก ) ซึ่งโรคแคงเกอร์จะระบาดมากในฤดูฝน  สามารถทำได้หลายวิธี  เช่น
            3.1  หมั่นตัดแต่งหรือเก็บ  ใบ  กิ่ง  ต้น  หรือส่วนที่เป็นโรคไปทำลายหรือเผาทิ้ง  หากต้นใดเป็นรุนแรง หรืออ่อนแอควรตัดทำลายเสียทั้งต้น
            3.2  พยายามอย่าให้ต้นมะนาวเกิดบาดแผล  และดูแลบำรุงต้นมะนาวให้สมบูรณ์แข็งแรง
            3.3  ป้องกันกำจัดหนอนชอนใบ (ให้ดูรายละเอียดในข้อ  2 )
            3.4  การพ่นสารป้องกันหรือควบคุมโรคแคงเกอร์ของมะนาว  ให้พ่นประมาณเดือนละ 2 ครั้ง หรือทุก ๆ 15 วัน หรือถ้าระบาดมากให้พ่นทุกๆ  7  วัน (โดยเฉพาะมะนาวเล็ก) ยาที่ใช้พ่นคือ
                  -ไธอะซาน  ชื่อสามัญไทแรม พ่นเมื่อระบาดไม่มาก
                  -พังกูราน  ชื่อสามัญ คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์ พ่นเมื่อโรคระบาดรุนแรง
  ใช้สารคอปเปอร์หรือไทแรม ผสมน้ำข้น ๆใช้ทาหรือป้ายส่วนที่เกิดโรค ไม่นานแผล
หรือสะเก็ตแคงเกอร์ก็จะหลุดออก
การดูแลมะนาววิธีที่ดีที่สุดคือการควบคุมโรคต่างไม่ให้เกิดขึ้นมา โดยต้องศึกษา และทำความเข้าใจธรรมชาติของมะนาว เพื่อให้การลงทุนการทำมะนาวมีความคุ้มค่าและไม่ทำให้เกิดภาระต่อผู้ทำสวนมะนาว

วิธีการปลูกมะนาวสไตล์สวนซับสมบูรณ์

        การปลูกมะนาวของสวนต่าง ๆ มีมากมายหลายวิธี บ้างก็ปลูกในแปลงดิน บ้างก็ปลูกในวงปูน บ้างก็ปลูกโดยใช้ระบบไฮโดรโปรนิกส์ สุดแล้วแต่ว่าผู้ปลูกมะนาวมีจุดประสงค์ในการปลูกอย่างไร สำหรับสวนมะนาวทรัพย์สมบูรณ์มีจุดประสงค์หลักอยู่สองเรื่องคือ การายลูกหรือผลในช่วงมะนาวมีราคาแพง และการทำกิ่งตอนที่มีคุณภาพจำหน่าย ทางสวนซับสมบูรณ์เลือใช้วิธีการปลูกลงดิน เพื่อให้มะนาวสามารถหาอาหารกินได้เต็มที่ ต้นมีความเจริญเติบโต และให้กิ่งมะนาวเป็นจำนวนมาก เราใช้วิธีการปลูก ดังนี้
         1. ตีผังการปลูกมะนาว เพื่อต้องการให้เป็นแถวสวยงาม ท่านต้องวิเคราะห์ดินสวนของท่านว่าดินที่สวนมีความอุดมสมบูรณ์นาดไหน กรณีปลูกลงดิน ถ้าดินมีความอุดมสมบูรณ์มากให้ใช้ระยะปลูก 6 X 6 เมตร ถ้าอุดมสมบูรณ์ปานกลาง ระยะปลูก 5 X 5 เมตร ถ้าดินใช้มานานมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ระยะปลูก 4 X 4 เมตร และกรณีปลูกในวงปูน ระยะแถวถ้ามีพื้นที่จำกัดควรวางแถวเดี่ยวระยะ 2 X 2 เมตร หรือ 2 X 3 เมตร แต่ถ้ามีพื้นที่มาก ให้วางระยะแถว 3 X 3 เมตร


วางผังการปลูกมะนาว สวนทรัพ์สมบูรณ์ใช้ระะปลูก 4.5 X 4.5 เมตร

         2. การขุดหลุมมะนาว ใช้วิธีการขุดเป็นหลุมรูปท้องกะทะหงาย ขนาดเส้นผ่าศูน์กลาง 1 เมตร ความลึกตรงท้องกระทะ 30-40 เซนติเมตร โดยใช้เสียมแซะหลุมเป็นรูปท้องกระทะหงายมีมุมประมาณ 45 องศาเข้าสู่จุดศูนย์กลางท้องกระทะ


หลุมปลูกขนาดเส้นรอบวง 1 เมตร ใช้เสียมแซะทำมุมท้องกะทะ 45 องศา

        3. นำดินที่แซะออกโดยเอามาทำคันดินโดยรอบเพื่อกันน้ำภายนอกเข้ามา และเป็นการควบคุมน้ำและดินปลูกภายในไม่ให้ไหลออกมาเมื่อมีฝนตกหนัก


ดินที่ขุดได้ให้ทำเป็นคันรอบ ๆ หลุมปลูก


หลุมที่ขุดได้ความลึกของหลุมประมาณ 30-40 เซนติเมตร

        3. รองก้นหลุมด้วยวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น ที่สวนซับสมบูรณ์ใช้ต้นกล้วยสด ๆ ใบกล้วยทับต้นกล้วย ผักตบชวา หรือใบไม้แห้งที่หาได้ โดยรองหลุมประมาณ 3 ใน 4 ของหลุม


ต้นกล้วยสด ๆ 


ทับด้วยใบกล้วย


ใบไม้ ผักตบชวา


        4. การปลูกมะนาว หลังจากรองก้นหลุมชั้นบนสุดด้วผักตบชวาแล้วให้เอาดินปลูกทับบนผักตบชวาเล็กน้อย และปักหลักไม้เพื่อกันต้นมะนาวโยก


ใส่วัสดุปลูกทับบนผักตบชวาเล็กน้อย/ปักเสากันโยก

        5. แกะถุงดำที่ชำตุ้มมะนาวออก และวางบนดินปลูกกลางหลุม


แกะถุงดำโดยใช้มีดคม ๆ เพื่อป้องกันถุงตินแตก

      6. ใส่ดินปลูกให้มีระดับพอดีกับระดับดินองต้นมะนาวที่แกะออกมา พร้อมกับใช้ปอฟางผูกต้นมะนาวกับเสาที่ปักเอาไว้แล้วเพื่อป้องกันต้นมะนาวโยกคลอนซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ต้นมะนาวตายได้


ผูกต้นมะนาวติดกับไม้ที่ปักกันต้นโยก

      7. ใช้ฟางข้าวปกหน้าดินเพื่อกันความชื้นระเหย


ใช้ฟางข้าวปกหน้าดิน

       เป็นอันว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนกระบวนการปลูก ซึ่งไม่มีความซับซ้อนแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าท่านจะเลือกวิธีการอื่น ๆ ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน วิธีการปลูกแบบนี้จะให้ผลผลิตต่อต้นสูงมาก ทางสวนจะได้ถ่ายทอดข้อมูลที่น่ารู้ให้ท่านทราบในโอกาสต่อไป

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

กำเนิดสวนมะนาววโรชาซับสมบูรณ์

          ปัจจุบันเศรษฐกิจกำลังฝืดเคืองเรียกได้ว่าเป็นภาวะข้าวยากหมากแพง ประชาชนไม่ว่าจะระดับไหนก็เจอภาวะข้าวของแพง เงินในกระเป๋าไม่รู้มันหายไปไหน ราษฎรณ์รากหญ้าไม่มีเงินในกระเป๋า ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง คนรวยก็มีรายได้น้อยลงเพราะการค้าการขายก็ไม่ดี ธุรกิจต่าง ๆ ก็ต้องประคองตัวให้พออยู่ได้ก่อน ที่สำคัญเงินมันดันไปกองอยู่ที่ธนาคารเป็นจำนวนมาก เพราะธนาคารต้องปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง มันเกิดจากเศรษฐกิจโลกของเรามันไม่ดีนั่นเอง


          ทุกสาขาอาชีพต่างระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย เศรษฐกิจพอเพียงที่ท่านพ่อหลวงได้สั่งสอนลูกหลานไทยเอาไว้จึงเริ่มเห็นผล ทุกสาขาอาชีพจึงได้น้อมนำเอาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และอาชีพต่าง ๆ ทุกสาขาอาชีพ ทุกคนต่างใช้จ่ายอย่างประหยัด เกษตรกรหันมาปลูกพืชแบบผสมผสาน ปลูกพืชทุกอย่างที่อยากกิน ปลูกพืชที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันเป็นการประหยัดค่าครองชีพที่รัดตัวอย่างทุกวันนี้


           ผมก็เป็นคนหนึ่งที่หันมาใช้เศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต ผมปลูกทุกอย่างที่กินได้ผสมผสานกันไป มีทั้งผัก ผลไม้ บ่อก็เลี้ยงปลา ลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุดเพื่อจะได้อยู่อย่างมีความสุขตาม    อัฐภาพ ไม่มีเงินแต่ก็มีกิน ทำให้ชีวิตของผมมีความสุข


           แล้ววันหนึ่งเมื่อถึงเวลาใกล้เกษียนอายุราชการ เมื่อหันมามองรายได้คือเงินเดือน มันลดลงอย่างน่าใจหาย คือหายไปประมาณครึ่งหนึ่งของรายได้ในแต่ละเดือน ทำให้ผมคิดว่าน่าจะหารายได้จากด้านอื่น ๆ มาเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่เราได้พยายามลดรายจ่ายลงแล้ว ครั้งหนึ่งผมได้ยินโฆษกของสถานีวิทยุแห่หนึ่งพูดว่าคนที่เกษียนอายุราชการแล้วใช่ว่าจะทำงานอะไรไม่ได้ ความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมา ย่อมเป็นสิ่งส่งเสริมให้มีโอกาสประสบความสำเร็จในการงานที่ทำได้


           ผมได้ลองศึกษาถึงสิ่งที่พอจะทำให้สำเร็จได้และตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะลองทำมะนานดู หลายคนก็บอกว่า "การทำมะนาวจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก" ก็เพราะผู้ที่จะทำมะนาวให้สำเร็จได้จะต้องควบคุมโรคให้ดี ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดโรคแล้วค่อยมาแก้ไข เพราะเราอาจต้องใช้สารเคมีในการรักษาโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับมะนาว ใบมะนาวอาจไม่สวย ลูกไม่ดก เป็นต้น


          ผมได้ศึกษาการทำมะนาวของสวนต่าง ๆ และการทำมะนาวแนวใหม่ตามแบบฉบับของสวนวโรชา ก็รู้สึกประทับใจและอยากลองทำสวนมะนาวดู และได้สั่งกิ่งพันธุ์จากสวนต่าง ๆ โดยเฉพาะสวนวโรชา โดยสั่งซื้อเป็นกิ่งตอน และได้นำมาลงถุงดำเพื่อทำการปลูกต่อไป นี่จึงเป็นที่ไปที่มาของสวนมะนาววโรชาซับสมบูรณ์ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 14 ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา และผมก็หวังว่าการปลูกมะนาวแบบไม่ใช้ดินมีโอกาสประสบความสำเร็จหรือไม่ อีกไม่นานก็จะได้รู้กัน เพื่อน ๆ ที่สนใจในการทำสวนมะนาวคงจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในโอกาสต่อไป

ผู้ค้นพบและลักษณะเด่นของมะนาวแป้นวโรชา

         
       นายวโรชา จันทโชติ อายุ 48 ปี เจ้าของสวนมะนาวแป้นวโรชา เลขที่ 8/8 หมู่ 8 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ได้เปิดเผยว่าได้ปลูกมะนาวพันธุ์แป้นวโรชาในวงปูนโดยไม่ใช้ดิน สามารถออกผลผลิตได้ต่อต้นต่อครั้งถึง 1,000 ลูก และถ้าปลูกในดินสามารถออกผลผลิตได้ต่อต้นต่อครั้งถึง 3,000 ลูก จนเป็นที่ยอมรับของชาวสวนในจังหวัดใกล้เคียง

           วโรชา กล่าวว่า ตนเองเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 แล้วได้ออกมาทำสวนปลูกและเรียนรู้จากการ ฝึกอบรมดูงานทดลองผิดถูกในการเพาะปลูกจนกระทั่งประสบความสำเร็จในการปลูกมะนาวต่อต้นต่อครั้งในวงปูนโดยไม่ใช้ดิน ซึ่งตนเองใช้เศษใบไม้ใบหญ้า ขุยมะพร้าว ขี้เถ้าแกลบ แกลบดิบ มูลสัตว์ ฟางข้าว อย่างละ เท่า ๆ กัน คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วใช้น้ำหมักอีเอ็มลาดวัสดุปลูกแล้วโรยปูนมาร์ลเข้าไปเล็กน้อย นำใส่ภาชนะวงปูน แล้วปลูกมะนาวพันแป้นวโรชา และผลิดอกออกผลผลิตตามกิ่งก้านสาขาในแต่ละต้นต่อครั้งได้ถึง 1,000 ลูก


และถ้าเป็นการปลูกลงในแปลงดิน จะทำให้ออกดอกออกผลแต่ละครั้งมากถึง 3,000 ลูก ต่อต้นต่อครั้ง และยินดีเพาะปลูกให้ดูว่าทำได้จริง ถ้าสนใจติดต่อเข้ามาได้พร้อมจะเพาะปลูกให้ดูว่าทำได้จริง และที่เพาะปลูกมะนาวพันธุ์แป้นวโรชา เนื่องจากผิวบางน้ำเยอะ ผลโตเป็นที่ต้องการของท้องตลาด