1.1 ปุ๋ยเคมี สูตรข้างหน้าสูง เช่น สูตร 25-7-7 หรือ ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ 27-6-6 หรือใช้สลับกับปุ๋ยสูตร 46-0-0 ในกรณีที่เกษตรกรต้องการกิ่งกระโดงเพื่อเอาไว้ตอนกิ่ง ในอัตรา ประมาณ 1-2 ช้อนแกง ห่างจากโคนต้นมะนาวประมาณ 1 คืบมือ
1.2 การให้ปุ๋ยทางใบให้ใช้ปุ๋ยเกล็ดสูตร 30-20-10 ร่วมกับสารเร่งการเจริญเติบโตของพืช (เช่นสาหร่าย) และยาฆ่าแมลงผสมเข้าไปด้วยกันและฉีดพ่นพร้อมกัน
2. พยายามรักษายอดอ่อนของต้นมะนาวเล็กให้ได้ โดยเฉพาะเกษตรกรเริ่มปลูกมะนาวหน้าฝน ศัตรูที่ระบาดมากในหน้าฝน ช่วงเดือน พ.ค.- ต.ค. คือหนอนชอนใบ หนอนกินใบ และเพลี้ยไฟจะทำความเสียหายให้กับมะนาว ระยะแตกใบอ่อน ซึ่งจะส่งผลทำให้โรคแคงเกอร์ตามมาอีกโดยเฉพาะมะนาวแป้นรำไพซึ่งอ่อนแอต่อโรคนี้มาก ฉะนั้นการพ่นสารเคมีให้ปฏิบัติ ดังนี้คือ
2.1 เมื่อมะนาวเริ่มแตกตายอด ประมาณครึ่งเซนติเมตร ให้นับเป็นวันเริ่มแรกของการพ่นสารเคมี ตามตารางการพ่น
- วันที่ 1 มะนาวเริ่มแตกตายอดพ่น เคมี อะบาแม็คติน
- วันที่ 4 พ่นเคมี อะบาแม็คติน
- วันที่ 7 พ่นเคมี ไซเปอร์แม็คติน
3.1 หมั่นตัดแต่งหรือเก็บ ใบ กิ่ง ต้น หรือส่วนที่เป็นโรคไปทำลายหรือเผาทิ้ง หากต้นใดเป็นรุนแรง หรืออ่อนแอควรตัดทำลายเสียทั้งต้น
3.2 พยายามอย่าให้ต้นมะนาวเกิดบาดแผล และดูแลบำรุงต้นมะนาวให้สมบูรณ์แข็งแรง
3.3 ป้องกันกำจัดหนอนชอนใบ (ให้ดูรายละเอียดในข้อ 2 )
3.4 การพ่นสารป้องกันหรือควบคุมโรคแคงเกอร์ของมะนาว ให้พ่นประมาณเดือนละ 2 ครั้ง หรือทุก ๆ 15 วัน หรือถ้าระบาดมากให้พ่นทุกๆ 7 วัน (โดยเฉพาะมะนาวเล็ก) ยาที่ใช้พ่นคือ
-ไธอะซาน ชื่อสามัญไทแรม พ่นเมื่อระบาดไม่มาก
-พังกูราน ชื่อสามัญ คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์ พ่นเมื่อโรคระบาดรุนแรง
ใช้สารคอปเปอร์หรือไทแรม ผสมน้ำข้น ๆใช้ทาหรือป้ายส่วนที่เกิดโรค ไม่นานแผล
หรือสะเก็ตแคงเกอร์ก็จะหลุดออก
การดูแลมะนาววิธีที่ดีที่สุดคือการควบคุมโรคต่างไม่ให้เกิดขึ้นมา โดยต้องศึกษา และทำความเข้าใจธรรมชาติของมะนาว เพื่อให้การลงทุนการทำมะนาวมีความคุ้มค่าและไม่ทำให้เกิดภาระต่อผู้ทำสวนมะนาว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น